Beyond Study Center เราให้คำปรึกษาการศึกษาต่อทุกระดับ สมัครเรียน ทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน ดูแลตลอดการเดินทาง

แชร์ประสบการณ์เรียนต่อที่ Charles Darwin University พร้อมการใช้ชีวิตในเมือง Darwin โดยคุณปู ภัทราวดี

pattawaradee

     แชร์ประสบการณ์เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังใน Northern Territory อย่าง Charles Darwin University พร้อมการใช้ชีวิตในเมือง Darwin โดยคุณปู ภัทราวดี

     ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณตา อาทิตยา ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ในการไปเรียนภาษาในสถาบันสอนภาษา SPC เมือง Cairns กันแล้ว ครั้งนี้เรานำบทสัมภาษณ์ของนักเรียนจากเมือง Darwin ซึ่งเป็นอีกเมืองในแถบ Regional มาให้อ่านกันบ้าง

     คุณปู ภัทราวดี เริ่มต้นเดินทางมาออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday และได้เดินทางไปในหลายๆเมืองรวมถึง Darwin ซึ่งปัจจุบันคุณปูตัดสินใจเรียนต่อคอร์สวิชาชีพใน Charles Darwin University และได้มาแชร์ประสบการณ์การเรียนและใช้ชีวิตในเมือง Darwin ให้อ่านกัน 

 

pattawaradee01

 

Thaiwahclub : แนะนำตัวกันหน่อยค่ะคุณปู ได้ทำอะไรก่อนมาออสเตรเลียบ้างคะ

     สวัสดีค่ะ ชื่อ ปู ภัทราวดี ฉัตรลีลาวัฒน์ค่ะ เรียนจบ BBA (Hotel and Tourism Management) มศว ค่ะ

     ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ทำงานมาหลากหลายตำแหน่งมากค่ะ แต่อยู่ในวงการ Hospitality เกือบทั้งหมด เริ่มทำงานส่วน Customer Service มาก่อน จากนั้นก็มาทำ HR, Admin ไปจนถึงเป็น Executive Secretary ให้กับผู้บริหารโรงแรม

     งานล่าสุดก่อนมาออสเป็น Lodging Partner Associate ทำหน้าที่หลักๆ เป็น Hotel Support โรงแรมพาร์ทเนอร์ของ Expedia ในไทยค่ะ

Thaiwahclub : เริ่มแรกทำไมถึงสนใจมาเรียนที่เมือง Darwin เหรอคะ

     เท้าความก่อนว่าเรามาออสเตรเลียด้วย Work and Holiday Visa ก่อนค่ะ แรกเริ่มก็แพลนกับตัวเองไว้ว่าอยากลองทำงานและใช้ชีวิตในหลายๆ ส่วนของออสเตรเลีย ไม่ใช่แค่ในเมืองใหญ่ แต่พอเอาเข้าจริง เราก็อยู่ในซิดนีย์เป็นหลัก

     ได้ลองย้ายมา Queensland ตอนทำงานฟาร์มเพื่อต่อวีซ่าปีที่ 2 พอตัดสินใจว่าจะต่อวีซ่าเลยเลือกที่จะมาอยู่เมืองที่เงียบๆ ไม่วุ่นวายมาก

     ดาร์วินเป็นเมืองที่เป็น Regional และมีนโยบายส่งเสริมด้าน Migration ที่ค่อนข้างเปิดรับคนและยังเป็นเมืองที่กำลังพัฒนา รัฐบาลที่นี่ส่งเสริมการเข้ามาเรียนของนักเรียนต่างชาติ มีทุนการศึกษาให้ทุกระดับ โครงการสนับสนุนต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็น่าจะมีโอกาสได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยทำ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังๆ ซึ่งเราเป็นคนชอบเที่ยว เพราะต้องย้ายมาคนเดียวด้วย คิดว่าเมืองนี้น่าอะไรที่แปลกใหม่จากที่ที่ๆ เคยอยู่มาค่ะ น่าสนุก เลยเริ่มหาข้อมูลของที่นี่ค่ะ

Thaiwahclub : Charles Darwin University มีความแตกต่างกับโรงเรียนอื่นยังไงบ้างคะ คุณปูถึงได้เลือกมาเรียนที่นี่

     ดาร์วินเป็นเมืองเล็ก การเรียนการสอนที่นี่เลยไม่ได้มีโรงเรียนให้เลือกเยอะมากเหมือนในเมืองใหญ่ๆ ส่วน CDU เองมีเปิดสอนหลักสูตรหลายระดับ สำหรับสายอาชีพที่นี่ของ CDU ก็คือ TAFE 

     เมื่อเราหาข้อมูลเทียบกับอีกโรงเรียนที่เป็น private college แล้วค่าเรียนไม่ได้ต่างกันมากมาย เมื่อเทียบกับเครดิตความน่าเชื่อถือของสถาบันที่เป็นสถาบันหลักของ NT รวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนด้วยค่ะ 

     เรียนกันวันจันทร์ถึงศุกร์ 2 วีค หยุดพัก 2 วีคสลับไปต่อเนื่อง เรียนปฏิบัติกันรัวๆ เข้มข้นมาก มีเตาแยกกัน เรียนเตาใครเตามัน เลยมั่นใจว่ายังไงก็ได้วิชาแน่นอน เลยเลือกเรียนที่ CDU ค่ะ

Thaiwahclub : ทำไมคุณปูถึงเลือกมาเรียนคอร์ส Commercial Cookery Certificate 3 and 4 และ Diploma of Hospitality เหรอคะ

     เราแพลนไว้ตลอดว่าหากจะเรียนต่อก็อยากเรียนหลักสูตรที่สามารถต่อยอดจากประสบการณ์ และสิ่งที่เรามีอยู่เดิมค่ะ เพราะทำงานสายโรงแรมสายบริการมาตลอด และมีเป้าหมายคืออยากทำธุรกิจของตัวเอง เพราะฉะนั้นการเรียนสายอาชีพที่สามารถประยุกต์กับความรู้และประสบการณ์ที่เรามี คอร์สนี้จึงตอบโจทย์เราที่สุด 

     สำหรับเราการเรียนคือการลงทุน ซึ่งหากเลือกเรียน Commercial Cookery ยังมีออพชั่นเพิ่มอีกคือสามารถขอ PR สำหรับอาชีพ Chef ในออสเตรเลียได้ด้วยค่ะ

 

pattawaradee02

 

Thaiwahclub : คิดว่าการมาเรียนที่ออสเตรเลียครั้งนี้จะมีประโยชน์กับการทำงานในอนาคตของเราได้อย่างไรบ้างคะ

     จากข้อที่แล้วเลยค่ะ เราสามารถใช้ความรู้ที่ต่อยอดกับสายงานได้ จะได้สกิลอีกด้านที่สามารถทำตามเป้าหมายตัวเองที่อยากมีธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม หรือโฮสเทลเล็กๆ ในอนาคต 

     ในอีกแง่คือการได้พัฒนาภาษาอังกฤษ ได้เรียนรู้ระบบการทำงานแบบ International ในต่างประเทศด้วยค่ะ

Thaiwahclub : สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน รวมถึงวิธีการสอนของที่นี่แตกต่างกับการเรียนที่ไทยอย่างไรบ้างคะ

     คอร์สที่นี่เรียนเน้นการปฏิบัติได้จริง เรียนไปมีการทำทดสอบภาคปฏิบัติไป อุปกรณ์ในการเรียนต่างๆ ครบครัน จำนวนนักเรียนไม่เยอะเกินไปเมื่อเทียบกับครู 1 คน และถึงแม้จะเรียนปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่สิ่งที่ชัดเจนเลยคือการ discuss หรือแสดงความคิดเห็นค่ะ ครูเน้นให้เราคุยแสดงความคิดเห็นกันเป็นกลุ่ม ช่วยกันสรุปข้อมูลตอบคำถามในแบบฝึกหัดต่างๆ ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาไปด้วยค่ะ

Thaiwahclub : หลังจากย้ายมาเรียนได้ประมาณเดือนนึง ต้องปรับตัวเยอะแค่ไหนคะ

     หลักๆ จะเป็นเรื่องการเดินทางค่ะ เพราะย้ายมาจากซิดนีย์ซึ่งเดินทางสะดวกสบาย แต่ที่ดาร์วินหากเดินทางด้วยรถบัสก็จะต้องรอรถออกตาม schedule ไม่ได้มีการเดินทางให้เลือกหลากหลายหรือถี่เหมือนที่ๆ เคยอยู่มา 

     ความเมืองหรือร้านค้าต่างๆ จะอยู่เป็นโซนๆ รถส่วนตัวจำเป็นมากค่ะ เพราะส่งผลไปถึงการหางานระหว่างเรียนด้วย ถ้าไม่มีรถก็คือเป็นข้อจำกัดใหญ่ที่ส่งผลหนักมากเลย ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่น อากาศ ความเป็นอยู่ อาหารการกิน ไม่มีปัญหาเลยค่ะ รู้สึกเหมือนอยู่ไทยมากๆ แต่รถไม่ติดเท่านั้นเองค่ะ

Thaiwahclub : อะไรคือสิ่งที่ชอบที่สุดตั้งแต่ได้ย้ายมาเรียนที่ Darwin บ้างคะ

     ค่าครองชีพถูกค่ะ ที่อยู่อาศัยในเรทราคาเดียวกับซิดนีย์เราได้ห้องนอนส่วนตัว (นอกเมือง) รถเมล์วีคละ 7$ (สำหรับนักเรียน) ความรถน้อยทำให้ได้ใช้ชีวิตช้าลง ชอบความหลากหลายของผักแบบเมืองร้อนเหมือนบ้านเราและตลาดนัดต่างๆ 

     นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีความริชของประวัติศาสตร์ให้ได้เรียนรู้ตั้งแต่การอพยพย้ายถิ่น ความเป็นอยู่ของชาว Indigenous ยันสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกสิ่งคือแปลกใหม่สำหรับเรา จริงๆ ก็เอนจอยแทบทุกอย่างเลยค่ะ

 

pattawaradee03

pattawaradee04

 

Thaiwahclub : นอกจากการมาเรียนที่ออสเตรเลียแล้ว ได้แพลนเอาไว้บ้างรึยังคะว่าอยากไปเที่ยวไหนหรือทำกิจกรรมนอกเวลาอะไรบ้าง

     ช่วงเวลาเบรกจากเรียนก็จะพยายามไปงานอีเว้นท์ต่างๆ ของที่นี่ ถ้าเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วตั้งใจจะทำกิจกรรมอาสาสมัครด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็อยากไปเที่ยวสถานที่ดังๆ ของ NT ค่ะ เช่น Katherine, Litchfield National Park, Alice Spring มีแพลนกับเพื่อนไว้ว่าอยากไป Road Trip จากที่นี่ไป Perth ด้วยค่ะ

 

pattawaradee06

 

Thaiwahclub : เห็นบอกว่ากำลังหางานพาร์ทไทม์ทำระหว่างเรียนด้วย คุณปูมีวิธีการหางานในเมือง Darwin ในแบบของคุณปูยังไงบ้างคะ

     ถ้าให้บอกตรงๆ เดือนนี้ยังไม่ได้งานเลยค่ะ เพราะติดตรงที่ว่าไม่มีรถและตารางเรียนที่ค่อนข้างจะแน่น กลายเป็นข้อจำกัดไปเลย ส่วนตัวก็สมัครออนไลน์ทาง seek, indeed เว็บไซต์หลักขององค์กรร้านค้าต่างๆ และเดินดรอป CV ด้วยค่ะ

Thaiwahclub : ช่วยแนะนำเพจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่เมือง Darwin ที่คุณปูกำลังทำอยู่ได้มั้ยคะ เผื่อมีคนอยากติดตามหรือกำลังหาข้อมูลเรียนที่ Darwin อยู่เหมือนกันคะ

     “What’s Up Darwin – ดาร์วินนี้มีอะไร” เป็นอีกหนึ่งงานอดิเรกที่จะพยายามอัพเดทข้อมูลของที่นี่ในมุมของคนที่ไม่เคยมาอยู่เลย ค้นพบมุมต่างๆ ของดาร์วินไปด้วยกันค่ะ ช่วงนี้กำลังเป็นช่วง Explore ถ้าใครอยากได้ข้อมูลตรงไหนบอกได้นะคะ จะได้เขียนมาแชร์กันค่ะ

Thaiwahclub : ในอนาคตหลังจากเรียนจบแล้วมีแพลนเอาไว้บ้างรึยังคะว่าอยากทำอะไรต่อ

     หลังจากเรียนจบตั้งใจจะขอ Graduate Visa ต่อเพื่อหาประสบการณ์ทำงานและขอ PR ที่นี่ค่ะ หาลู่ทางทำธุรกิจไปด้วย ค่อยๆ ทำตามเป้าหมายไปทีละอย่างค่ะ

Thaiwahclub : ช่วยฝากหรือแนะนำอะไรถึงคนที่อยากมาเรียนที่เมือง Darwin สักเล็กน้อยค่ะ

     ถ้าใครที่แพลนไว้ว่าอยากหาลู่ทางย้ายถิ่น ขอ PR หรืออยากมาเรียนในเมืองที่ไม่เหมือนส่วนอื่นๆ ของออสเตรเลีย ก็อยากให้ลองหาข้อมูลของเมืองนี้ดูค่ะ เพราะรัฐบาลสนับสนุนด้าน migration มากๆ แถมอยู่ใน Population growth strategy 

     ในช่วง 10 ปีของ NT มีแนวโน้มเปิดรับคนอีกยาวค่ะ สำหรับคนที่สนใจจะมาเรียนแนะนำให้ดูข้อมูลสมัครทุนต่างๆ ด้วยค่ะ เพราะเขามีทุนให้ค่อนข้างเยอะ จำนวนนักเรียนต่างชาติก็ยังไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ 

     ถ้าเป้าหมายมาหางานระหว่างเรียนเป็นหลัก หรือชอบความเมืองๆ ฤดูหนาวแบบเมืองนอกอาจจะไม่ตอบโจทย์ค่ะ แต่ถ้าชอบเที่ยวแนว adventure ชอบความแปลกใหม่ ที่นี่ค่อนข้างยูนีคและแตกต่างจากเมืองอื่นๆ ของออสเตรเลียแน่นอนค่ะ 

 

     ถ้าสนใจติดตามการเรียนและใช้ชีวิตในเมือง Darwin ของคุณปูต่อ สามารถติดตามทางเฟสบุ๊คเพจ “What’s Up Darwin – ดาร์วินนี้มีอะไร” ได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากลองมาเรียนในเมืองชิคๆอย่าง Darwin ลองแอดไลน์มาขอคำปรึกษาการเรียนต่อในออสเตรเลียก่อนได้ที่ไอดี @beyondstudy หรือโทรมาสอบถามได้ทางเบอร์โทร 086-011-2378 และ 02-019-0884 ภายในเวลาทำการค่ะ (Mon-Fri : 09.00-18.00)