Beyond Study Center เราให้คำปรึกษาการศึกษาต่อทุกระดับ สมัครเรียน ทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน ดูแลตลอดการเดินทาง

คุณก้อย Master of Teaching จากเด็กอักษรศาสตร์ สู่การเป็นแม่พิมพ์ของชาติในออสเตรเลีย

คุณก้อย Master of Teaching

        จากความตั้งใจแรกที่มาเพื่อแค่พัฒนาภาษาที่ต่างประเทศสู่การเป็นแม่พิมพ์ของชาติที่ออสเตรเลีย… กับประสบการณ์ตกวิชาเอกครั้งแรกในชีวิตมหาวิทยาลัย โดนครูพี่เลี้ยงเตือนเรื่องภาษาในที่ฝึกงาน และโดนนักเรียนอนุบาล Correct ภาษาให้

          Master of Teaching ชื่อคณะนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนักสำหรับคนไทยที่กำลังมองหาสาขาที่จะเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพราะไม่ใช่สาขายอดฮิตแถมยัง Require ภาษาในระดับที่สูงมากๆ และเพื่อนร่วมคลาสส่วนมากจะเป็น Native กันทั้งนั้น

        แล้วอะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณก้อยตัดสินใจเลือกเรียนสาขานี่

        คุณก้อยจบปริญญาตรีสองใบจากไทยคือคณะอักษรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากเรียนจบก็รู้สึกหลงทางมากยังไม่รู้ตัวเองว่าอยากทำอะไรจะไปทางไหนต่อดี รู้แต่ว่าชอบเรียนหนังสือ พอดีมีเพื่อนชวนมาเรียนต่อที่ออสก็เลยตัดสินใจมา ด้วยความตั้งใจเพียงอย่างเดียวในตอนนั้นคือ ‘แค่อยากฝึกภาษาอังกฤษ’ คุณก้อยลงเรียนภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ จนจบคอร์สเรียนภาษาที่สูงที่สุดของสถาบัน ทำให้สถานการณ์บังคับให้ต้องตัดสินใจเลือกเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น

        ด้วยความที่เป็นคนชอบเรียนรู้ ชอบตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย คุณก้อยทำ Research มากมายเกี่ยวกับการเรียนต่อโทที่นี่จนได้มาเจอกับคณะที่ชื่อว่า Master of Teaching ซึ่งคอร์สนี้ต่างจากคอร์สที่เรียนไปเพื่อไปเป็นครูสอนภาษาทั่วไป ตรงที่คอร์สนี้จะเป็นการเรียนเพื่อเป็นไปเป็นคุณครูที่บรรจุตามโรงเรียนในออสเตรเลีย เพื่อสอนเด็ก Aussie โดยเฉพาะซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก

        หนึ่งในความท้าทายที่สุดตอนที่เรียนในคณะนี้สำหรับคุณก้อย คือเรื่องความมั่นใจในตัวเองและภาษา พอได้มาเข้าห้องเรียนที่มีแต่เจ้าของภาษา (Native speakers) เกือบทั้งหมดทำให้คุณก้อยเสียความมั่นใจลงไปไม่น้อย เนื่องจากภาษาที่ยังสู้เจ้าของภาษาไม่ได้บวกกับความเขินอายไม่มั่นใจ กลัวเขาจะฟังไม่รู้เรื่อง ทำให้พูดตะกุกตะกักไม่กล้าแสดงออกเต็มที่ คุณก้อยปรับเปลี่ยนความคิดว่าเราต้องกล้าพูดมากขึ้นมั่นใจมากขึ้น ที่สำคัญคือการกลับไปพัฒนาภาษาแบบ Academic English อย่างจริงจังให้มากขึ้น

        ความท้าทายอย่างที่สองคือการปรับตัวให้เข้ากับระบบการเรียนของที่นี่ ซึ่งเป็นการเรียนแบบผู้ใหญ่ต้องอ่านและขวนขวายด้วยตัวเองเป็นหลัก โชคดีที่คุณก้อยเคยเรียนที่รามคำแหงมาก่อน ซึ่งเป็นการเรียนแบบต้องพึ่งตัวเองเป็นหลัก ทำให้คุณก้อยผ่านความท้าท้ายนี้ไปได้ง่ายขึ้น

        คุณก้อยเคยตกวิชาเอกของคณะที่มีราคาหน่วยกิจละ $3,000 หรือราวๆ 78,000 บาท ซึ่งนับว่าไม่น้อย การตกครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนทำให้คุณก้อยฮึดสู้อีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าจริงๆ เราก็ทำได้

        นอกจากนี้ในตอนที่ไปฝึกงานครั้งแรกที่โรงเรียน (Placement) ยังถูกครูพี่เลี้ยงเตือนเรื่องภาษาที่ยังอ่อนอยู่ ว่าถ้าจะเป็นครูต้องกลับไปพัฒนามากกว่านี้ รวมถึงถูกเด็กอนุบาลในห้องเรียนตอนที่ไปฝึกงาน Correct ภาษาให้ แต่ในความโหดร้ายนี้ก็ยังมีสิ่งที่ทำให้คุณก้อยมีกำลังใจ ที่จะอยากจะเดินหน้าในสายอาชีพนี้ คือเรื่องการปฏิสัมพันธ์กับเด็กที่คุณก้อยทำได้ดีเกินคาด

        ต้องบอกก่อนว่าในการสอนเด็กเล็กของที่นี่ สิ่งสำคัญที่สุดที่ทางโรงเรียนจะมองหาจากตัวคุณครู คือการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กการที่ครูเข้ากับเด็กได้การที่ทำให้เด็กไว้ใจเรา เพราะถ้าเด็กไม่ชอบเราแล้วเขาจะปิดการรับรู้ทันที ทำให้คุณก้อยได้งานจากที่ฝึกงานที่สุดท้ายก่อนเรียนจบ เนื่องจากครูคุณเลี้ยงเห็นความสามารถของคุณก้อย รวมถึงความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองของคุณก้อย ทำให้ทางโรงเรียบรรจุคุณก้อยเป็นคุณครูที่ออสเตรเลียในที่สุด

 

        คุณแม่ของคุณก้อยเป็นครูที่เมืองไทยเช่นกัน

        คุณก้อยเล่าความต่างระหว่างการเป็นครูที่ไทยกับครูที่นี่ว่า การเป็นครูที่ไทยนั้นเป็นงานข้าราชการซึ่งได้รับเกียรติ ส่วนการเป็นครูที่นี่ถือแม้ว่าจะเป็นงาน Professional career ก็จริงแต่ว่าอาชีพอื่นๆ ที่นี่ ก็เป็น Professional career กันมาก ก็ทำให้การเป็นครูที่นี่ไม่ได้มีความเหลื่อมล้ำกว่าอาชีพอื่นมาก ทุกอาชีพมีความเท่าเทียมกันหมด

        แต่สิ่งหนึ่งที่คุณก้อยประทับใจการเป็นอาชีพครูที่นี่คือ ที่นี่เค้าให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ อะไรที่เกี่ยวกับมนุษย์ที่นี่จะใส่ใจและลงทุน ที่นี่จึงให้สวัสดิการและอัตราค่าแรงที่ค่อนข้างสูง

        สำหรับการเป็นครูของคุณก้อยนั้นมันมากกว่าแค่การสอนเด็ก แต่เป็นการสื่อสารมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก และยังต้องสื่อสารกับผู้ปกครองของนักเรียนด้วย คุณก้อยต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอซึ่งควาสุขและความสำเร็จที่คุณก้อยได้จากการทำอาชีพครูนี้ คือตอนที่เห็นนักเรียนมีพัฒนาการมากขึ้นเมื่อเทียบกับวันแรก เป็นสิ่งที่ทำให้คุณก้อยรู้สึกว่า ‘นี่เรามาถูกมาทางแล้ว’

 

        ติดตามบทความสัมภาษณ์และข่าวสารน่าสนใจอื่น ๆ ได้ทาง www.beyondstudy.aum.im และ www.thaiwahclub.com หรือถ้าใครมีประสบการณ์การไปออสเตรเลีย ไม่ว่าจะไปเรียน ไป WAH หรือจะไปด้วยวีซ่าทำงาน เข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันได้ โดยสามารถติดต่อมาได้ทาง Inbox Facebook ของ ThaiWahClub และ Line@ : @beyondstudy